ชู AIS Cloud พร้อมยกระดับบริการคลาวด์ สู่การทรานสฟอร์มขององค์กรธุรกิจ
ย้ำทุกบริการเป็นไปตามข้อกำหนดการจัดเก็บ และป้องกันข้อมูล
AUSTIN, Texas and Bangkok, Thailand —August 1, 2024AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ที่มุ่งนำศักยภาพโครงข่ายเข้าเชื่อมต่อการทำงานกับภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้สามารถทรานสฟอร์มองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ประกาศแผนความร่วมมือครั้งสำคัญกับผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ระดับโลก Oracle Alloy เปิดตัวบริการ AIS Cloud ครั้งแรกในไทยกับบริการระดับ Hyperscale Cloud โดยจะพร้อมให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2568 สำหรับองค์กรทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ สามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ของ Oracle (OCI) ที่มีมากกว่า 100 บริการ รวมถึงความสามารถด้าน AI ซึ่งจะตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ด้วยระบบ และบริการ Sovereign Cloud ที่มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศไทย รวมถึงความพร้อมในการทำระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล (DR: Disaster Recovery) ในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย เพื่อให้ใช้ข้อมูลที่สำรองไว้มาทำงานต่อได้ทันที
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “กว่า 34 ปีที่ผ่านมา AIS มุ่งพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัลเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่ดียิ่งกว่า ควบคู่ไปกับการนำศักยภาพโครงข่ายมาผสมผสานผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเข้าเชื่อมต่อและสนับสนุนการทำงานกับองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้สามารถทำดิจิทัลทรานสฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในสร้างการเติบโต ที่จะนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะความสามารถของเทคโนโลยีคลาวด์ ที่ปัจจุบันเข้ามามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร ทำให้วันนี้เราได้ทำงานกับพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านคลาวด์ระดับโลกอย่าง Oracle ที่จะทำให้ประเทศไทยมีบริการระดับ Hyperscale Cloud เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกผ่านบริการ AIS Cloud บน AIS Data Center ที่จะเป็นการปลดล็อกศักยภาพในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์กรดังกล่าวให้มีศักยภาพพร้อมรับมือทุกโอกาส ความท้าทาย และการแข่งขัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดึงดูดนักลงทุน และติดสปีดเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยให้มีแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
การ์เร็ตต์ อิลจ์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “การมอบตัวเลือกที่หลากหลายให้กับพันธมิตรและลูกค้าของเราเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือ Oracle Alloy กับ AIS จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมของประเทศช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ AIS กลายเป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งนำเสนอ Sovereign Cloud และความสามารถด้าน AI ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ ภายข้อกำหนดด้านกฎหมายด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ AIS สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ของ AIS ที่เป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัลในไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดภายในประเทศ ทำให้ AIS สามารถส่งมอบบริการที่เหมาะสมต่อลูกค้าแต่ละรายที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า”
นางสาวแดฟนี่ ชุง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริการคลาวด์และซอฟต์แวร์ IDC เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวว่า “IDC คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้าน Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 31.5% ต่อปี (31.5% CAGR) สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากการสำรวจด้านคลาวด์ในพื้นที่เอเซียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) แสดงให้เห็นถึง 19% ขององค์กรในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีการคาดการณ์การใช้จ่ายสำหรับ Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คลาวด์แบบผสมผสาน (Hybrid Cloud) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยหน่วยงานกำกับดูแลและกฎระเบียบ รวมทั้งความต้องการที่จะทำให้กระบวนการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น”
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้ให้บริการดิจิทัลบนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุดรวม 1460 MHz (นับรวมคลื่นความถี่ที่ร่วมมือกับพันธมิตรรวมถึง NT ซึ่งอยู่ระหว่างการอนุมัติจาก กสทช.) และมีจำนวนผู้ใช้งานล่าสุดกว่า 45.3 ล้านเลขหมาย (ณ มิถุนายน 2566) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS Fibre, ธุรกิจลูกค้าองค์กร และบริการดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ วิดีโอ คลาวด์ ดิจิทัลเพย์เมนท์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ตลอดจนขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ ทั้งหมดนี้เพื่อเดินหน้าตามวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ที่พร้อมนำศักยภาพเข้าสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศขยายขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และยกระดับ คุณภาพชีวิตของคนไทยไปพร้อมกัน พบกับเราได้ที่ www.ais.th
ออราเคิลนำเสนอชุดแอปพลิเคชันแบบครบวงจร พร้อมด้วยระบบคลาวด์ (Oracle Cloud) ที่มีโครงสร้างพื้นฐานระบบที่มั่นคง ปลอดภัย และทำงานด้วยระบบปฏิบัติการอัตโนมัติบนออราเคิลคลาวด์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับออราเคิล (NYSE:ORCL) สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ www.oracle.com.